EP1.3 ตามรอย The Davinci Code วันแห่งการเสพศิลป์ พิพิธภัณฑ์ลูฟ Musee du Lourve

EP1.3 ตามรอย The Davinci Code วันแห่งการเสพศิลป์ พิพิธภัณฑ์ลูฟ Musee du Lourve

 

หลังจากเมื่อวาน EP1.2 ฝรั่งเศสครั้งแรกไม่ยาก รถไฟกับสองเท้าไปได้ทุกที่ หอไอเฟล ประตูชัย โบสถ์ Saint-Chapelle และ EP1.2.1 ฝรั่งเศส โบสถ์ Saint-Chapelleสุดงดงาม กับ Chartier bouillon ร้าน Local ประจำปารีส ผมเดินตากฝนทั้งวันแต่ก็คุ้มค่ากับการเดินตากฝน ที่เดินตากฝนได้ผมมีอุปกรณ์กันหนาวกันฝนของ Columbia ครับช่วยชีวิตได้เยอะจริงๆแต่ที่สำคัญควรมีร่มครับ จากการที่บริหารเวลาผิดพลาดไม่คิดว่าจะมีคนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟ Musee du Lourve ขนาดนี้ วันนี้เลยกะว่าจะไปเสพศิลปให้เต็มที่ ซึ่งแค่พิพิธภัณฑ์ลูฟที่เดียวจะเดินให้ทั่วจริงๆคงใช้เวลาทั้งวัน ผมเลยตื่นแต่เช้าเพื่อมุ่งหน้ามาที่นี่เป็นที่แรกขอเวลาสักครึ่งวันเพราะคงไม่สามารถเสพได้หมดแน่นอนกะว่าเอาหลักๆคงได้ไปชมภาพโมนาลิซาอันลือชื่อ ไปกันเลยครับ

ผมนั่งรถไฟฟ้าสาย สีเหลืองเข้ม M1 จาก Nation ไปลงที่ สถานี  Palais Royal Musee du Lourve ครับไปง่ายมากๆ มันง่ายตรงที่สถานี Nation เป็นจุดตัดของหลายสายก็เลยสามารถเลือกเส้นทางไปได้ง่ายครับ แต่มันจะอยู่ไกลสถานที่เที่ยวออกมาหน่อย ถ้าใครอยากเดินเที่ยวคงต้องหาที่ใกล้หน่อยแต่ต้องแลกมาด้วยค่าที่พักที่แพงขึ้น

พิพิธภัณฑ์นี้ถือว่าติดอันดับพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีคนเข้าชมมากที่สุดเช่นกันนะครับ ปีๆนึง 10 ล้านคนเลยทีเดียว จริงๆแล้วมันเป็นพระราชวังมาก่อนแล้วถูกเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 1793 แล้วก็มีพื้นที่ประมาณ 73,000ตารางเมตร ของศิลปะแบบตะวันตกตั้งแต่ยุคกลางจนถึง ปี 1848 มีศิลปะแสดงถึง 35,000 ชิ้น ชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดมากกว่า 7,000 ปี

ศิลปะได้แบ่งออกเป็น 8 กลุ่มนะครับ ดังนี้ Egyptian Antiquities; Greek, Etruscan, and Roman Antiquities; Near Eastern Antiquities; Islamic Art; Paintings; Sculptures; Decorative Arts; and Prints and Drawings.

แค่ Musee du Lourve ที่เดียวก็แทบจะหมดทั้งวันแล้วครับแต่ประทับใจมากๆเจองานศิลปะระดับโลกเยอะมาก เข้าใจม่ังไม่เข้าใจมั่ง ก็ดูกันไปเป็นบุญตาครับ ผมตกศิลปะไม่ค่อยเข้าถึง แต่ถามว่าชอบที่นี่มั้ยชอบครับ
ผมชอบหนังเรื่อง The Davinci Code มากๆด้วยส่วนนึงที่อยากมาที่นี่เพราะว่าหนังเรื่องนี้แหละครับ อยากสวมบทเป็นศาสตรจารย์ โรเบิร์ต แลงดอนจริงๆเลยครับ

เวลาเปิดปิดนะครับจะได้วางแผนกันไม่พลาดในการเข้าชม

Opening hours

Monday, Thursday, Saturday, Sunday: from 9 a.m. to 6 p.m.
Wednesday, Friday: from 9 a.m. to 9:45 p.m.
Closed on Tuesdays
Rooms begin closing 30 minutes before museum closing time.

Admission on Sunday

From October to March: access to the permanent collections is free for all visitors on the first Sunday of each month.

เราสามารถเข้าได้หลายทางตามนี้ครับ

Entrances to the museum

Pyramid and Galerie du Carrousel entrances: open every day (except Tuesday) from 9 a.m. to 7:30 p.m. on Mondays, Thursdays, Saturdays, Sundays; and from 9 a.m. to 10 p.m. on Wednesdays and Fridays.

ผมทางนี้แหละครับตรงปิระมิดหรือทางเข้าปกติอีกด้านนึงนะครับ ดูจากแผนที่ที่ผมให้ไว้รูปล่างๆเลย
Passage Richelieu entrance: open every day (except Tuesday) from 9 a.m. to 5:30 p.m. (6:30 p.m. on Wednesdays and Fridays)

ทางนี้มาจากรถไฟฟ้าครับก็เป็นอีกทางนึง
Porte des Lions entrance: this entrance may be closed for technical reasons. Please contact us the day before your visit at +33 (0)1 40 20 53 17.

พอเดินขึ้นมาจากออกมาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟพอดี ภายในจะมีห้างร้านขายของเยอะเลยครับ มี Starbuck ให้นั่ง มี Cafeteria ด้วย สารพัดครับ

เดินขึ้นมาจากรถไฟฟ้าสถานี Palais Royal Musee du Lourve ให้ไปทางขวาๆจะมีร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์และนั่นคือที่ขายตั๋วเข้าชมราคาประมาณ 15 ยูโรนะครับ ที่แนะนำให้ซื้อตรงนี้เพราะหากรอต่อแถวและเข้าไปซื้อข้างในก็ต้องมานั่งต่อแถวอีกที อ้อแล้วก็ระวังพวกคนจีนชอบแซงคิวนะครับทำหน้าซื่อๆนิ่งๆแล้วมันเข้ามาแซงคิวครับเจอผมแจ้งเจ้าหน้าที่ไล่ออกนอกแถวไปเลยครับ

ภายในหลังจากแสกนร่างกายและกระเป๋าแล้ว ก้จะมีร้านขายของต่างๆเพียบราคาก็แพงปกติครับ ผมได้แค่เดินชมคงไม่ได้ซื้ออะไร  หลังจากต่อแถวยาวเหยียดเพื่อตรวจแสกนเราก่อนประมาณ 30 – 60 นาทีแล้วแต่ว่าคนมากน้อยนะครับ เราก็จะเดินตามทางเข้ามาพบบริเวณ Information มีข้อมูลหลายภาษามากครับ ยกเว้นภาษาไทยผมเลยต้องหยิบภาษาอังกฤษมา จะเป็นแผนที่บอกว่าแต่ล่ะ Floor และ Section มีศิลปะแนวไหนอยู่ตรงไหนนะครับ เวลาจะเดินชมผมว่าต้องวางแผนดีๆเพราะว่ามันใช้เวลานานมากหากจะเดินชมให้ครบทั้งหมด ดูออนไลน์ได้จากลิงค์นี้ครับ http://www.louvre.fr/sites/default/files/medias/medias_fichiers/fichiers/pdf/louvre-plan-information-english.pdf พอเรามีบัตรถืออยู่ในมืออยู่แล้วก็ลุยเลยครับไม่ต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วอีกรอบนึงทางด้านซ้ายและขวาเห็นมั้ยครับ ผมเริ่มที่ทาง Zone DENON ก่อนครับซึ่งเป็นพวกรูปปั้นในยุคสมัยต่างๆ ถูกปั้นด้วยศิลปินชื่อดังต่างมากมายเช่น ไมเคิล แองเจโล เป็นต้น ซึ่งผมก็ไม่รู้จักศิลปินทางสายนี้เท่าไหร่นะครับดูแล้วมันสวยดีและครั้งหนึ่งในชีวิต ผมได้มาแล้ว สถานที่ถ่ายทำหนัง The Davinci Code ครับ มาดูภาพรูปปั้นและศิลปะต่างๆกันดีกว่าครับ ภาพภายในของพิพิธภัณฑ์โคตรอลังการเลยครับ เวลาเดินชมเหมือนเดิมอยู่ในพระราชวังจริงๆ ศิลปะงามชั้นเอก โดย ไมเคิล แองเจโล ครับได้สัมผัสใกล้ชิดขนาดนี้เป็นบุญตาจริงๆครับ เมื่อเดินจนสุดทางก็จะขึ้นไปชั้นบนต่อไปซึ่งเป็นชั้นที่มีศิลปะระดับโลกเช่น โมนาลิซา ครับตามมาดูกันต่อครับ
ขนาดทางเดินเรายังดูเหมือนพระราชาเดินขึ้นไปในพระราชวังเลยครับ พอเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนก็พบกับศิลปะชิ้นเอกสไตล์ยุโรปอีกครับ ดูดีเทลของการปั้นหลังคามันสุดยอดจริงๆ เริ่มขึ้นมาชั้นบนที่มีงานภาพวาด มีภาพวาดระดับโลกวางตั้งโชว์เรียงรายกันมากมายครับ ซึ่งตกศิลปะอย่างผมคงไม่รู้จักหมดแน่ๆ แต่มันสวยมากจริงๆครับ  ในที่สุดก็เจอแล้วภาพวาดสีน้ำมันชื่อดัง Mona Lisa วาดโดย Leonardo Davinci  ถูกตั้งโชว์ไว้ในกระจกแผ่นหน้ามากครับและมีที่กั้นพร้อม รปภ. ให้ยืนอยู่ห่างจากภาพพอสมควรแต่ไม่ไกลมาก ตรงข้ามกับภาพ Mona Lisa คือภาพด้านบน เป็นภาพวาดขนาดใหญ่และบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยภาพวาดระดับชั้นครูมากมายครับ
พอเดินออกจากห้องแสดงภาพ Mona Lisa แล้วผมก็เดินชมต่อไปเรื่อย เป็นภาพวาดในแต่ล่ะยุคสมัยแตกต่างกันออกไปครับ  สุดท้ายโผล่ออกมาอีกโซนนึงแล้วครับ รูปปั้นในโซนนี้ถูกปิดไม่ให้เข้าชมนะครับ ผมได้แต่ซูมเข้าไป สังเกตความอลังการของห้องแสดงผลงานมันมีประวัติของในแต่ล่ะยุคครับ เจอ APHORDITE VENUS แล้วครับ เทพีแห่งความรัก ปั้นโดย Alexandros of Antioch
เรามาชมกันต่อครับมาถึงส่วนของ อียิปต์โบราณ แล้วครับเชิญชมได้เลย คงไม่ต้องอธิบายกันมาก

มาถึงโซนที่เป็นทางออก เป็นพวกสวนที่มีแต่รูปปั้นมากมายครับ
ไฮไลท์อีกอย่างนึงของที่นี่คือ Napolien Apartment ตกแต่งด้วยสีทองและแดง ตัดกันสวยงามมาก โคมระย้าที่ดูอลังการหรูหรา เก้าอี้ต่างๆบุด้วยกำมะหยี่สีแดง สวยงามสุดๆ ภาพนี้เป็นห้องอาหารของนโปเลียน ถูกกั้นไม่ให้เข้าให้ชมอยู่ข้างนอกอย่างเดียวครับ เดินกันจนเหนื่อยขอแวะทาน Mc Donald ก่อนครับ ก่อนที่จะไปต่ออีกหลายที่เลย

สุดท้ายครับเดินขาลากเลย ผมออกมาถ่ายภาพภายนอก นึกถึงฉากสุดท้ายของหนัง The Davinci Code

The Holy Grail ‘neath ancient Rosslyn waits / The blade and chalice watch o’er her gates / Adorned by masters loving art she lies / As she rests beneath the starry skies.

FB : www.facebook.com/i2escape

IG : www.instagram.com/i2escape

Website : www.i2escape.com

Tony
ติดตามผมได้

เม้นกันเล้ย