I 2 ESCAPE (ว่างก็เที่ยว)

I WILL EXPLORE THE WORLD (ว่างก็เที่ยว ออกไปท่องโลกกัน)

ฉันจะท่องโลก ยุโรป เยอรมัน โรเทนเบิร์ก

EP3.4 Rothenburg ob der Tauber สัมผัสเมืองแห่งอัศวิน

EP3.4 Rothenburg ob der Tauber สัมผัสเมืองแห่งอัศวิน

หลังจากที่ไปกินไส้กรอกเยอรมันแท้ๆสูตรเทพๆ 600 กว่าปีที่ Nuremburg กันมาแล้ว EP3.3.1 พาไปกินไส้กรอกเยอรมันแท้ๆที่ร้าน Bratwursthäusle สูตรเก่าแก่หลายร้อยปี ติดมิชลินไกด์ปี 2008-2017 เราก็เดินทางกันมาต่อเลยที่เมือง Rothenburg ob der Tauber เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่สมัยยุคกลางโบราณของประเทศเยอรมันเลยครับ เป็นเมืองที่อยู่ในเขต Ansbach of Mittelfranken ซึ่ง Mittelfranken ก็คือ Middle Franconia ที่เป็นส่วนนึงของแคว้น Bavaria ครับ เค้ารักษาสภาพบ้านเมืองไว้ได้อย่างดีเมืองนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายโรแมนติคของเยอรมันตอนใต้อีกด้วยครับ ผมจะมารีวิวใน EP3.4 Rothenburg ob der Tauber สัมผัสเมืองแห่งอัศวิน ให้อ่านกันครับ

Rothenburg เคยเป็นเมืองที่ปกครองตนเองมาตั้งแต่สมัยท้ายๆยุคกลางจนถึง ปี 1803 อีกด้วยครับ ชื่อ Rothenburg ob der Tauber มาจากคำว่า “Red fortress abve the Tauber” เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่เหนือแม่น้ำ Tauber และยังมีหลังคาสีแดงเกือบทั้งเมืองครับ

อ่ะเรามาเที่ยวเนอะไปเดินเที่ยวกันเลยดีกว่ามีเวลาไม่มากสำหรับเมืองนี้ครับ ค่อนข้างน่าเสียดายที่ไม่ได้มานอนพักที่นี่สักคืนผมว่าถ้าใครแพลนจะมานอนพักที่นี่สักคืนจะดีมากๆครับเพราะตอนกลางคืนจะมี Night Tour โดย Night watch man ของเมืองพานำเที่ยวครับ โม้ยาวอีกแล้ว มาดูกันเลยพอเราลงจากรถไฟเดินออกมาจากสถานีรถไฟครับก็เจอโรงแรม REICHSSTADT ของเค้าแล้วให้เราเดินมาทางซ้ายมือของสถานีรถไฟจนถึงโค้งแล้วข้ามถนนมาที่ถนน Ansbacher Street ครับ ตรงมาเรื่อยๆจนถึงกำแพงเมืองเก่ากันเลย

เดินมาก็เจอเจอแนวกำแพงเมืองของเค้าเป็นแนวยาวไปจนสุดนู่นเลยล่ะครับเริ่มสัมผัสถึงบรรยากาศเมืองโบราณขึ้นทุกทีๆแล้วครับ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มากมันเหมือนได้เข้ามาอีกโลกนึงเลยล่ะครับ

จากนั้นเราก็จะเจอสะพานทางเดินเข้าเมืองตรงนี้ระวังรถหน่อยนะครับมีรถวิ่งเข้าออกตลอดเวลา พื้นของถนนเริ่มปูเป็นอิฐเก่าและมองขึ้นไปด้านบนจะเป็นหอสังเกตการณ์ของเมืองครับมีตรา นกอินทรีเหล็กติดอยู่เลย

เราสามารถเดินขึ้นไปดูด้านบนได้ด้วยนะครับหากใครมีเวลาก็ลองเดินเข้าไปดูสวยงามมาก

พอเดินเข้าไปแล้วเหมือนเป็นอีกโลกนึงเลย ตึกรามบ้านช่องของเค้าจะเป็นทรงหลังคาสูงๆแบบนี้ ก่อด้วยอิฐขึ้นไปครับ แล้วก็กระถางต้นไม้ตามทางเดินก็ประดับด้วยดอกไม้สีสดใสครับ

ช่วงที่ผมไปผ่านเทศกาลอีสเตอร์ไปแล้วเสียดายมากๆเลยครับ พอเดินเข้าไปตามถนนปูด้วยอิฐแล้วเราก็จะพบกับบ้านเรือนเรียงรายติดๆกันไปเลยครับ ในแต่ล่ะบ้านหรือร้านด้านบนเค้าจะมีป้ายและตราสัญลักษณ์ประจำบ้านหรือประจำตระกูลของเค้าติดไว้ด้านบนแทบทุกบ้านเลยทีเดียว เหมือนดูหนังเกี่ยวกับอัศวินโบราณขี่ม้าใส่ชุดเกราะเลยล่ะ

อย่างโรงแรมนี้นี้เป็นรูปคนกำลังขี่ม้าอยู่ ตัวอักษรที่ใช้ก็เป็นตัวอักษรแบบโบราณ มีการเขียนบรรยายบนตัวตึกไว้อีกด้วย ดูหน้าต่างก็เป็นแบบผสมระหว่างของเก่าและของใหม่ได้อย่างลงตัว

แดดเริ่มออกคนก็เริ่มออกมาเดินมากขึ้นรวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเราๆด้วย ทั้งที่มาพักหรือมาวันเดียวกลับ เดินเลือกซื้อของที่ระลึกถ่ายรูปต่างๆ

นี่ครับในเมืองเค้ามีประดับไข่ตามจุดต่างๆ ตกแต่งเพื่อฉลองงานอีสเตอร์ของเค้า ตอนกลางคืนก็จะมีไฟเปิดโหยอย่างสวยอ่ะครับ 

การประดับประดาสถานที่ต่างๆด้วยไข่ก็มีสไตล์การตกแต่งในแบบฉบับของแต่ล่ะพื้นที่ครับ ไข่ก็จะมีสีสันต่างๆกันไปแล้วก็มีการเพนท์ลวดลายไว้บนไข่อีกด้วย

นู่นเผลอไปเห็นพอดีนกมาทำรังอยู่บนยอดหลังคานู่นครับ อากาศเห็นแดดออกแบบนี้แต่เย็นสบายมากๆนะครับช่วงหน้าหนาวพอดี

เมืองนี้มีทั้งโรงแรมและร้านอาหารมากมายสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้พอประมาณครับ รูปทรงสถาปัตยกรรมจะคล้ายๆกันหมด มีความคลาสสิคในตัวของมัน อิฐผสมกับไม้แล้วก็จุดเด่นคือหลังคาสีแดงเนี่ยล่ะครับ

มองย้อนกลับไปทางที่เดินมาสักหน่อย สวยไปอีกแบบครับในมุมนี้ บางครั้งเราเดินหน้าอย่างเดียวแต่ลืมหันมามองข้างหลัง อาจจะไปภาพที่เห็นแล้วแปลกตา สวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นนะครับ 

ถนนในเมือง Rothenburg จะให้รถวิ่งผ่านด้วยนะครับเวลาเดินก็ต้องระวังด้วยถึงแม้ว่าจะเป็นถนนปูด้วยอิฐ แต่ก็แน่นหนาพอสามารถที่จะรองรับการวิ่งของรถยนต์ได้ด้วย เส้นทางในเมืองเป็นการเดินแบบชิลๆ 

ตามตรอกซอกซอยเล็กๆก็อย่ามองข้ามไปเลยนะครับ มีร้านรวงลึกลับแปลกๆอยู่เยอะมาก ในซอยยังมีที่ตั้งให้นั่งจิบกาแฟจิบชา ชิลๆเกร๋ๆเลยครับ

แถวนี้เริ่มมีร้านขายของมากขึ้นมีทั้งขายของแบบท้องถิ่นแล้วก็ขายของให้กับนักท่องเที่ยวครับ 

ภายในร้านอาหารของที่นี่ก็เป็นสไตล์ยุโรปอย่างไม่ต้องสงสัยครับ แต่วันนี้ผมไม่ได้มาทานร้านนี้ครับ ว่าจะหาขาหมูเยอรมันทานเพราะพลาดมาจาก Nuremburg ก็กะว่าจะไปหาทานตรง Town Hall ที่เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองครับ

สวยๆเกร๋ๆ ชิคๆ นั่งทานอาหารแบบคูลๆ อากาศเย็นๆกันข้างนอก อาบแดดนิดๆไม่หนาวไม่ร้อนเกินไปครับ 

เดินตรงมาเรื่อยๆก็ใกล้ถึงบริเวณกลางเมืองเก่าแล้วครับ 

ตัวนี้น่าจะเป็นรูปแกะ คือมองไปแต่ล่ะบ้านแต่ล่ะร้านไม่เหมือนกันเลยจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสัญลักษณ์ของเค้าครับ

มาถึงแล้วครับตรงนี้เป็นบริเวณของกลางเมืองและเป็น Town Hall ของที่นี่ เป็นจุดนึงที่คนมาถ่ายรูปกันเยอะครับ 

ถ้าเดินไปทางซ้ายก็จะเป็นอีกจุดนึงที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม ที่นำมาเป็นภาพในการโปรโมทเมืองนี้ด้วยครับ แต่เดี๋ยวก่อน หาอะไรกินกันก่อนดีกว่า 

บริเวณ Town Hall ตรงนี้จะเป็นจุดที่มีการขายของด้วยนะครับเหมือนเป็นตลาดนัดย่อมๆเวลามีงานเทศกาลต่างๆ ก็จะมีรถมาจอดขายของกันแบบนี้ครับ ในส่วนของ Tourist Information ก็อยู่ตรงนี้อีกด้วยครับ

ทางด้านขวาก็จะมีร้านอาหารอยู่สองสามร้านให้เรานั่งทานอาหารและดื่มเบียร์ชมบรรยากาศที่สวยงามของเมืองนี้ครับ

ตรงบริเวณนี้ก็จะมีน้ำพุ St. Georgs Brunnen ตั้งอยู่เป็นเสมือนจุดนัดพบหรือที่นั่งเล่นของเมืองอีกด้วยครับ

ตัวเมืองส่วนมากใช้สีเหลืองอ่อนๆในการทาสีของตัวตึกแล้วก็ที่สำคัญหลังคาต้องแดงจะถูกจะแพงเอาแดงไว้ก่อนเลยล่ะครับ

นี่คือสิ่งที่ผมอยากกินมานานๆๆๆๆๆ 55555 ลืมไปกินที่มิวนิคมากินที่นี่ก็ได้ไม่ใช่อะไรหรอกครับกะว่าจะเจอขาหมูเยอรมันสูตรพิเศษอะไรสักอย่าง ร้อยล้านกว่าปีอะไรประมาณนี้ ก็ต้องลองกินดูสักครั้งครับ จัดมาเลยชิ้นโคตรใหญ่ ขานึงเต็มๆ พร้อมด้วย Dumbling ทำจากมันผสมแป้งปั้นเป็นก้อนครับเป็นเครื่องเคียง

อีกอย่างนึงคือผักดองเอาไว้ตัดเลี่ยนแต่ผมไม่ชอบจานนี้เท่าไหร่อ่ะครับ ยิ่งเลี่ยนเข้าไปใหญ่มันไม่เหมือนกิมจิอ่ะ

ทานเสร็จก็เดินต่อครับเจอร้านนี้เด็ดมากเป็นร้านขายพวกชุดอัศวินของที่ระลึกต่างๆเท่ห์ดีอ่ะถ้าใครชอบขนกลับไปเมืองไทยได้ก็แวะเลยครับ แต่ผมคงขอบายแบกเป้มาใบนึงใหญ่ๆ ไม่ไหวครับ

ระหว่างทางก็ถ่ายรูปตราสัญลักษณ์ของแต่ล่ะที่มาด้วยแปลกหูแปลกตาดีครับ

บ้านเมืองของเค้าค่อนข้างสงบดีครับจะวุ่นวายบ้างเวลานักท่องเที่ยวมากันเยอะเสียงดัง ก็รำคาญชาวบ้านชาวเมืองเค้าเหมือนกันครับ

นี่เด็ด สวยงามสามประเทศ โบสถ์เก่า ดูสภาพสิครับเก่าจริงเก่าแท้แน่นอนครับ 

เดินมาเรื่อยๆก็ถึงอีกบริเวณนึงที่เป็นจุดถ่ายรูปประจำของเมืองนี้ เพราะว่าเค้าเอามาเป็นภาพลงในโบรชัวร์แหละครับ 55555555 มันคือ Castle Tower and Gate หรือ Burg Turm und Tor ครับ

มีดอกไม้ใครเอามาวางไว้ไม่รู้ครับเลยแอ้บ ถ่ายรูปซะหน่อยสวยๆ เหม่อๆ คงมีหนุ่มซื้อไปให้สาวที่ไหนสักคนครับ

อ่ะขอสักภาพเอาให้ได้ จุดนี้ถ่ายมาเป็นสิบครับไม่ได้ซะทีเพราะรถวิ่งเข้าวิ่งออกตลอดเวลาเหมือนกัน

ตรงนี้ก็ยังมีไข่อีสเตอร์ประดับอยู่ สไตล์เดียวกันอันนี้น่าจะเป็นน้ำพุของเมืองนะครับ ทางขวาลงไปเป็นทางเดินอะไรสักอย่างผมไม่ได้ลงไปครับ

พอออกจากประตูนี้เป็นทางออกนอกเมืองกันแล้วครับ มันได้เวลากลับพอดีถ้ากลับช้ากว่านี้ผมถึงมิวนิคตีหนึ่งแน่นอน เสียดายจังเลยคราวหน้าถ้ามาคงขอนอนที่นี่สักคืนครับ จะได้มาเดินดูเมืองตาม Night Watch Man ด้วยครับ 

พอเดินออกมาจะเริ่มเป็นเขตของบ้านคนทั่วไปแล้วครับเป็นบริเวณที่พักอาศัยซึ่งขยายออกมาจากในเมืองอีกครับ

ส่วนมากทุกบ้านก็จะเป็นสไตล์แบบนี้หลังคาติดกันมีห้องใต้หลังคา มีปล่องไฟครับเพื่อให้ความอบอุ่นยามหน้าหนาวจัดๆ

เดินออกมาเรื่อยๆจนถึงสะพานข้ามคูเมือง ก็ประทับใจอีกสุดยอดแห่งความคลาสสิค ที่ผมชอบและตื่นเต้นขนาดนี้เพราะผมชอบดูหนังพวกนักรบโบราณเท่ห์ๆด้วยน่ะครับเลยมีความชอบเป็นพิเศษ

หันหลังไปก็จะเห็นหอคอยของเมืองและป้อมปราการต่างๆสำหรับป้องกันการรุนรานจากภายนอกครับตามกำแพงเมืองก็จะมีรูเล็กๆให้คอยสอดส่องดูแลรอบๆครับ

ทางด้านนี้ก็น่าจะเป็นประตูเมืองใหญ่ครับคอยรับผู้คนที่สัญจรไปมาในสมัยโบราณ

มันมีความยิ่งใหญ่อลังการของมันจริงๆครับ กว่าเค้าจะสร้างเมืองได้ขึ้นมาแบบนี้จากอิฐแต่ล่ะก้อนจะใช้เวลาและคนงานในการสร้างขนาดไหน จะมีอัศวินที่คอยปกป้องเมืองนี้เสียชีวิตมามากแค่ไหนแล้วนะครับ

ถึงเวลาเดินทางกลับกันแล้วครับตอนนี้ต้องรีบจ้ำเลยเพราะทางมันไกลมากผมเดินอ้อมโลกไปนิดนึงแล้วก็ไม่มีเวลาชิลแระ ต้องรีบไปให้ทันเวลารถไฟออกครับ

ป.ล. มาเมืองนี้นอนสักคืนครับสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ แบบที่เราไม่เคยได้สัมผัสนะครับ

อย่าลืมติดตามกันต่อได้ที่เพจนะครับ มีอะไรสอบถามมาได้ตลอดเลย

FB : www.facebook.com/i2escape

IG : www.instagram.com/i2escape

Website : www.i2escape.com

1 COMMENTS

เม้นกันเล้ย

สมัยเด็กๆ ผมได้มีหนังสือที่เป็นเล่มโปรดเล่มแรก "80 วันรอบโลก" และ "พี่น้องตระกูลไรท์" ซึ่งเป็นหนังสือที่อ่านไม่รู้กี่รอบ ผมก็เลยมีความฝันที่จะไปเที่ยวรอบโลกให้จงได้ พอมาถึงวันนี้ทำงานหาเงินเองได้แล้ว ก็ขอไปทำตามความฝันนั้น ก่อนที่จะไม่มีแรงเหลือที่จะเดินเที่ยวแบกเป้
Share via
Copy link